วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

Hitachi เปิดตัวหุ่นยนต์มนุษย์ EMIEW3

ที่มาข้อมูล : www.japantrends.com
ผู้เขียน : William

 

ด้วยเทคโนโลยีและการออกแบบที่พัฒนาต่อยอดมาจาก หุ่นยนต์รุ่นก่อนหน้านี้ในปี 2005 ทำให้มีหุ่นยนต์รุ่นนี้มีประสิทธิภาพที่มากขึ้น ด้วยไมโครโฟนบริเวณหน้าและเซ็นเซอร์ 14 ชิ้น ทำให้สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ถึง 3 ภาษา และยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์เพื่อแนะนำข้อมูลการเดินทางหรือข้อมูลอื่นๆได้อีกด้วย

หุ่นยนต์รุ่นนี้ มีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม สูง 90 เซนติเมตร เคลื่อนไหวได้รวดเร็วพอๆกับการเดินของมนุษย์ และมีระบบการทรงตัวที่ดี สามารถลุกขึ้นได้เองเมื่อล้มลง รู้จักการลดความเร็วเมื่อต้องผ่านมุมทางเดิน และหลีกเลี่ยงการชนกับสิ่งของ และยังสามารถรับมือกับพื้นทางเดินที่มีระดับความสูงที่แตกต่างกัน


 




สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหุ่นยนต์รุ่นนี้ คือ สามารถบอกได้ว่าผู้ใดที่ดูเหมือนหลงทาง หรือต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งหุ่นยนต์ก็จะตรงเข้าไปหาและสื่อสารกับคนเหล่านั้นทันที






ในอนาคตหุ่นยนต์รุ่นนี้อาจจะได้เป็นไกด์แนะนำนักท่องเที่ยวในสถานีชินจูกุระหว่างโอลิมปิกปี2020 หรือ ช่วยคุณหาสิ่งของภายในร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นได้

ผู้แปลบทความ: Pixel Me Design

สนใจอ่านต้นฉบับ สามารถกด Link ด้านล่าง
http://www.japantrends.com/hitachi-emiew3-cute-humanoid-robot-customer-service/






ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม จะมาแบ่งปันเกร็ดความรู้และบทความน่าสนใจด้านออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก มาอัพเดตให้ได้เรียนรู้ไปด้วยกันที่นี่เสมอ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

มีข้อแนะนำหรือติชม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางด้านล่าง
Email: savethequeen16@hotmail.com
Line ID: maomao_16
www.pixelmedesign.com

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

ผจญภัยในโลกการ์ตูนของ "นะโอะกิ อุระซะวะ"

ที่มาข้อมูล: www.spoon-tamago.com
ผู้เขียน: Johnny



นะโอะกิ อุระซะวะ (Naoki Urasawa) ถือเป็นบุคคลสำคัญในวงการการ์ตูนของญี่ปุ่น ด้วยอายุเพียง 56 ปี แต่ผลงานการ์ตูนของเขาถูกจำหน่ายแล้วมากกว่า 120 ล้านเล่ม โดยเฉพาะเรื่อง Master Keaton, Monster และ 20th Century Boys ได้ถูกนำมาสร้างเป็นอานิเมะและภาพยนต์แล้วด้วย ซึ่งเอกลักษณ์งานเขียนเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มข้น ความซับซ้อน ความตื่นเต้นและความพิศวงเสมอ

เมื่อปีที่แล้ว Setagaya Literary Museum ได้จัดแสดงงานเขียนของ Urasawa ภายใต้งาน "A Life in Drawing" เป็นเวลา2เดือนครึ่ง แต่แม้ว่านิทรรศการจะปิดลงไปแล้วเมือเดือนมีนาคม แต่ยังคงสามารถเข้ามาชมรูปวาดได้สำหรับคนที่พลาดไป



ภายในนิทรรศการประกอบด้วยคอลเลคชั่นภาพวาดขนาดใหญ่, ต้นฉบับ , แบบร่าง, หนังสือจดบันทึก, สมุดวาดรูปตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก ทั้งหมดนี้ถูกจัดวางแสดงโดย Torafu Architects ซึ่งผู้ออกแบบนิทรรศการหวังว่าผู้ที่เข้ามาชมจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดของขบวนการผลิตผลงานออกมาให้ได้ชมกัน


ในจุดแสดงนี้ต้องการสื่อให้เห็นถึงความคมชัดในลายเส้นของ Urasawa ทั้งงานภาพนิ่งและความเคลื่อนไหว









 
ภาพขยายของต้นฉบับถูกนำมาแสดงบนผนังแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์งานเขียนของ Urasawa ที่เน้นรายละเอียดของรูปภาพอย่างมาก




ภาพบนผนังโค้งนี้แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของตัวละครที่สื่อออกมาอย่างชัดเจน






ผู้แปลบทความ: Pixel Me Design

สนใจอ่านต้นฉบับ สามารถกด Link ด้านล่าง
http://www.spoon-tamago.com/2016/04/18/walk-through-the-world-of-manga-artist-naoki-urasawa/#more-36109






ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม จะมาแบ่งปันเกร็ดความรู้และบทความน่าสนใจด้านออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก มาอัพเดตให้ได้เรียนรู้ไปด้วยกันที่นี่เสมอ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

มีข้อแนะนำหรือติชม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางด้านล่าง
Email: savethequeen16@hotmail.com
Line ID: maomao_16
www.pixelmedesign.com

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

สะสมแสตมป์กับตู้กดน้ำ Coca-Cola

ที่มาข้อมูล: www.japantrends.com
ผู้เขียน: William


Coca-Cola เปิดตัวตู้กดน้ำใหม่ "Sumaho" ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน App "Coke on"
ตู้กดน้ำถือเป็นของคู่กันกับคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะในเมืองหลวง ขายสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่ม อาหาร หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงของเล่น สำหรับการชำระเงินก็สะดวกมากตั้งแต่สามารถใช้ IC Card ในการชำระเงินได้





Coca-Cola เคยเปิดตัวตู้กดน้ำที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Eco vending machines) มาแล้วในอดีต
แต่ในปัจจุบันเป็นยุคของการสร้างการโต้ตอบหว่างผู้ซื้อกับสินค้า (Interactive & Interface)

เมื่อปี 2010 ได้เปิดตัว ตู้กดน้ำหน้าจอสัมผัสที่โตเกียวซึ่งเป็นที่สนใจมากใน Social Media เพราะตู้นี้สามารถแนะนำเครื่องดื่มตามลักษณะและสถิติของผู้ซื้อที่ยืนอยู่ข้างหน้า แต่ก็ถือว่าเก่าไปแล้วในปัจจุบัน





สำหรับแคมเปญใหม่ของ Coka-Cola เริ่มแล้วเมื่อวันที่ 8 เมษา เพียงดาวนืโหลด App ทั้ง IOS และ Android เพื่อสะสมแสตมป์ทุกครั้งที่ซื้อเครื่องดื่มผ่านตู้กดน้ำ เพียงนำมือถือไปยื่นใกล้ๆกับจอแสดงราคา ระบบก็จะทำการชำระสินค้าผ่าน e-money และแสตมป์ก็จะถูกเก็บไว้ในชื่อของคุณ

สะสมเพียง 15 ครั้งก็จะสามารถแลกน้ำดื่มฟรี 1 ขวดแบบใดก็ได้ ซึ่งขั้นตอนการแลกก็สะดวกมาก เพียงยืนอยู่หน้าตู้ เลือกน้ำดื่มที่ต้องการ แล้วกดส่ง...ก็จะได้น้ำดื่มขวดนั้นทันที





หากดาวน์โหลดภายใน 30 มิถุนายนนี้ จะได้รับแสตมป์ 5 ดวงทันที ทาง Coca-Cola หวังว่าจะมียอดดาวน์โหลด 2 ล้านครั้งภายในสิ้นปี 2016 ซึ่งจะทำให้ได้รับข้อมูลผู้บริโภคจำนวนมาก และในอนาคตก็มีแผนที่จะพัฒนาตู้น้ำให้รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ให้ได้ 140,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้





ผู้แปลบทความ: Pixel Me Design

สนใจอ่านต้นฉบับ สามารถกด Link ด้านล่าง
http://www.japantrends.com/coca-cola-vending-machines-smartphone-stamp-rally/






ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม จะมาแบ่งปันเกร็ดความรู้และบทความน่าสนใจด้านออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก มาอัพเดตให้ได้เรียนรู้ไปด้วยกันที่นี่เสมอ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

มีข้อแนะนำหรือติชม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางด้านล่าง
Email: savethequeen16@hotmail.com
Line ID: maomao_16
www.pixelmedesign.com

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

10 ตัวอย่างสินค้าน่ารัก..สัญชาติญี่ปุ่น

ที่มาข้อมูล: kaboomi studio


 

Kaboomi Studio เป็นกลุ่มคนญี่ปุ่นที่ร่วมแบ่งปันงานออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น โดยจะสรรหาสิ่งน่าสนใจและแชร์ทุกวัน (จันทร์-ศุกร์) สามารถติดตามได้ทาง Facebook และ Twitter โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "สิ่งของที่น่ารักๆ"


ถุงผ้าลายเครื่องซักผ้า

Washing-machine laundry-bag




ดาวกระจายแม่เหล็ก

Shuriken magnets




ที่ขั้นหนังสือรูปจระเข้

Crocodile bookmark




ที่วางฟองน้ำ

Rabbit sponge-holder




ตัวจับตะูปู

Pinocchio nail tool




ต้นกระปองเพชรเตือนความจำ

Cactus cork memo-block




ชั้นวางกระดาษทิชชู่ทรงก้อนเมฆ

Cloud toilet paper shelf




ที่กั้นหนังสือยอดมนุษย์

Superhero bookend




ชุดคาวบอยจับหนูสำหรับน้องแมว

cowboy-mouse cat-costume




ตัวแขวนรูปลิง

monkey hooks




ผู้แปลบทความ: Pixel Me Design

สนใจอ่านต้นฉบับ สามารถกด Link ด้านล่าง
https://www.facebook.com/kaboomistudio






ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม จะมาแบ่งปันเกร็ดความรู้และบทความน่าสนใจด้านออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก มาอัพเดตให้ได้เรียนรู้ไปด้วยกันที่นี่เสมอ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

มีข้อแนะนำหรือติชม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางด้านล่าง
Email: savethequeen16@hotmail.com
Line ID: maomao_16
www.pixelmedesign.com

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

Nasa Graphic Manual ถูกตีพิมพ์อีกครั้ง

ที่มาข้อมูล: www.itsnicethat.com
ผู้เขียน: Jenny Brewer

 


หลังจากมีผู้ร่วมสนับสนุนให้มีการตีพิมพ์ Nasa Graphics Standard Manual ซ้ำอีกครั้ง เป็นจำนวนสูงถึง 8,798 คน ใน Kickstarter เป็นที่มาทำให้หนังสือเล่มนี้ถูกนำมาพิมพ์ซ้ำอีกครั้ง

Nasa Design Manual ถูกพิมพ์ขึ้นตั้งแต่ปี 1974 โดยบริษัท Danne & Blackburn ใน New York คู่มือฉบับนี้ได้กำหนดวิธีการใช้กราฟฟิคสำหรับทุกอย่างตั้งแต่หัวจดหมายถึงหัวจรวด  Pentagram ได้ร่วมมือกับ Jesse Reed และ Hamish Smyth เพื่อทำการคัดลอกและพิมพ์ซ้ำจากหนังสือต้นฉบับของ Richard Danne

ภายในคู่มือเล่มนี้ ประกอบด้วย คำนำซึ่งเขียนโดย Richard, บทความจาก New York magazine เขียนโดย Christopher Bonanos และตัวอย่างวัสดุพิเศษที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน จาก DanneDesign 



Danne & Blackburn: Nasa Graphics Standards Manual Reissue. Image by Brian Kelley.



Danne & Blackburn: Nasa Graphics Standards Manual Reissue. Image by Brian Kelley.



Danne & Blackburn: Nasa Graphics Standards Manual Reissue. Image by Brian Kelley.



Danne & Blackburn: Nasa Graphics Standards Manual Reissue. Image by Brian Kelley.



Danne & Blackburn: Nasa Graphics Standards Manual Reissue. Image by Brian Kelley.


ผู้แปลบทความ: Pixel Me Design

สนใจอ่านต้นฉบับ สามารถกด Link ด้านล่าง
http://www.itsnicethat.com/news/nasa-graphics-standards-manual-reissue-general-release-130416






ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม จะมาแบ่งปันเกร็ดความรู้และบทความน่าสนใจด้านออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก มาอัพเดตให้ได้เรียนรู้ไปด้วยกันที่นี่เสมอ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

มีข้อแนะนำหรือติชม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางด้านล่าง
Email: savethequeen16@hotmail.com
Line ID: maomao_16
www.pixelmedesign.com

พาชมไอเดียงานโฆษณาของญี่ปุ่น

ที่มาข้อมูล: www.tokyographicdesigners.com
ผู้เขียน: Tim O'Hanlon


หากชีวิตนี้...ไม่มีใบมีด




Seki City ได้เปิดตัวโฆษณาชิ้นนี้ เพื่อแสดงถึงความสำคัญผลิตภัณฑ์ที่บริษัทได้ผลิตขึ้นมา ผ่านมุมมองที่ว่า "ชีวิตนี้...ไม่มีใบมีด" ได้อย่างมีอารมณ์ขัน

Seki City ตั้งอยู่ที่เมืองกิฟุ ถือได้เป็นศูนย์กลางของการผลิตมีดและช้อนส้อมของญี่ปุ่นยาวนานมากว่า 700 ปี ไม่ว่าจะเป็นใบมีดโกน, มีดทำซูชิ ไปจนถึงดาบคาตานะ จนอาจกล่าวได้ว่า จำนวนมีดทำครัว 50% และใบมีดโกน 70% ที่ใช้ในญี่ปุ่นล้วนผลิตจากที่นี่

ในโฆษณาเราจะเห็นได้ถึงการใช้ชีวิตที่ปราศจากมีด เช่น คุณแม่พยายามที่จะตัดแครอทและหัวไชเท้าด้วยมือเปล่า, คุณพ่อใช้เทปกาวแว๊คหนวดอย่างเจ็บปวด โฆษณายังเลือกใช้โทนสีที่มืดและเสียงประกอบที่ดูเครียด และการแสดงอารมณ์ของนักแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ ทำให้โฆษณาดูมีความสมจริง

หากกล่าวโดยรวมแล้วถือว่าเป็นโฆษณาที่แสดงอารมณ์และเลือกใช้มุมกล้องได้ดี นักแสดงมีความชัดเจนในการแสดงออก แต่ก็ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับจุดประสงค์ของโฆษณา ถือได้ว่ายังขาดสิ่งที่ต้องการสื่อสาร ซึ่งตอนจบมีเพียงรูปของผลิตภัณฑ์แสดงขึ้นมาเท่านั้น ทำให้ไม่แน่ใจถึงจุดเป้าหมายที่โฆษณาต้องการสื่อสารถึง

แต่จุดที่น่าสนใจของโฆษณานี้ คือ การไม่ทำตามรูปแบบเดิมๆที่มักจะบอกเล่าถึงประวัติและการผลิตมีดของ Seki แต่ก็ยังขาดสิ่งสำคัญที่ต้องการสื่อสารไป





Starwars และ พลังงานแสงอาทิตย์




เป็นอีกหนึ่งโฆษณาที่ฉายบน TVC ซึ่งทาง Sekisui ได้ใช้ตัวละคร R2D2 และ C3PO มารับบทตัวละครในโฆษณาระบบพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะสำหรับใช้ภายในบ้าน

Sekisui ได้นำเสนอระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ให้พลังงานไฟฟ้ามากเป็นพิเศษ เพราะ สามารถสะสมพลังงานไฟฟ้าได้แม้เป็นเวลากลางคืน เนื้อเรื่องเริ่มจาก หุ่นยนต์เดินทางอยู่ในทะเลทราย บังเอิญได้พบกับบ้านที่เปิดไฟสว่างสไสวท่ามกลางทะเลทราย ทำให้ทั้งคู่สงสัยว่ามีไฟฟ้าใช้ได้อย่างไร จากนั้น R2D2 ไม่รอช้ามุ่งหน้ามาที่บ้าน จากจุดนี้โฆษณาก็เริ่มการอธิบายถึงระบบการทำงานต่างๆ จนสุดท้าย C3PO ยังต้องรีบขอเข้าไปชาตจ์ไฟข้างใน..
การใช้ตัวละครจากเรื่อง Star wars นับเป็นไอเดียที่ดี เพราะ ตัวละครเป็นที่จดจำ และด้วยความที่เป็นหุ่นยนต์จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับโทคโนโลยีการชาตจ์พลังงาน และหนัง Star wars ก็ยังมีกำหนดฉายในเร็วๆนี้ ทำให้รับรองได้ว่าน่าจะเป็นที่สนใจ

อีกสิ่งที่ทำให้ผมชื่นชม นั่นคือ ความพยายามที่จะสร้างความสมจริงเหมือนอยู่ในโลกของ Star Wars ไม่ว่าจะเป็นทะเลทราย, ดนตรี, หุ่นยนต์ ทุกรายละเอียดเหล่านี้ทำให้โฆษณาสมบูรณ์แบบ





ตลาดจำลอง ณ สถานีรถไฟชินจูกุ


 

The Japan Agriculture Cooperatives Group (JA Group) ได้ทำการเนรมิตช๊อปปิ้งมอลล์ในสถานีรถไฟใต้ดินชินจูกุให้กลายเป็นตลาด รูปแผงผักขนาด 80 เมตร พร้อม เสาทรงหัวไชเท้า มะเขือม่วง และผักอื่นๆ ขนาด 2.5 เมตร นำมาติดตั้งในวันผักประจำชาติญี่ปุ่น (31 สิงหาคม) ซึ่งวันที่ "8/31" จะอ่านพ้องเสียงกับคำว่า "ผัก" ในภาษาญี่ปุ่น

ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้คนที่เดินผ่าน สามารถสแกน QR Code บนรูปผัก จากนั้นจะแสดงร้านค้าที่จำหน่ายผักชนิดนั้นๆทันที แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนสนใจเท่าใดนัก ในขณะที่ผมกำลังเยี่ยมชมอยู่ ก็มักจะพบเด็กวิ่งเข้ามากอดตัวเสาผักขนาดใหญ่ รวมถึงผู้คนที่เดินแถวนั้นก็นิยมที่จะสัมผัสและถ่ายรูปร่วมกับเสายักษ์

ซึ่งเสายักษ์ก็สร้างออกมาได้เหมือนจริงมาก แม้แต่รอยตำหนิบนผักที่เราพบเห็นได้ในผักทั่วไป นอกจากนี้รูปผักโดยรอบดูก็ยังเป็นที่สะดุดตา แม้ดูแล้วจะรู้สึกว่าสีผิดธรรมชาติเกินไปบ้างก็ตาม

กิจกรรมนี้ได้เปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่มักจะเต็มไปด้วยโปสเตอร์เหล่านักร้อง ให้กลายเป็นพื้นที่ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจ ถึงแม้ว่าผู้คนเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ใช้บริการออนไลน์ แต่ก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนรู้จักกับ JA Group





ผู้แปลบทความ: Pixel Me Design

สนใจอ่านต้นฉบับ สามารถกด Link ด้านล่าง
http://tokyographicdesigners.com/working-in-japan/japanese-advertising-roundup/






ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม จะมีบทความด้านออกแบบมาอัพเดตที่นี่เสมอ
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

มีข้อแนะนำหรือติชม สามารถติดต่อมาได้ตามช่องทางด้านล่าง
Email: savethequeen16@hotmail.com
Line ID: maomao_16
www.pixelmedesign.com